ฉลากไวน์ ดูยังไง ไปไขข้อสงสัยกันไปกับ Cheerzค่ะ

ฉลากไวน์ ดูยังไง ไปไขข้อสงสัยกันไปกับ Cheerzค่ะ

วิธีอ่านฉลากไวน์ ใครอ่านแล้วไม่รู้ ไม่เข้าใจ เรามาไขข้อข้องใจไปพร้อมๆกันค่ะ

การเดินเข้าไปในร้านขายไวน์นั้นสามารถทำให้คุณขวัญเสียได้ ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าจะอ่านฉลากเหล่านั้นได้อย่างไร ไวน์ที่อยู่ในขวดนั่นเป็นไวน์ชนิดใด? ใครคือผู้ผลิต? มีที่มาจากที่ไหน? และที่สำคัญที่สุด ฉันจะชอบมันหรือไม่? เราจะช่วยให้คุณสามารถถอดรหัสของฉลากไวน์ได้ และจะทำให้การซื้อไวน์ในครั้งต่อไปของคุณนั้นง่ายยิ่งขึ้นค่ะ

ฉลากไม่ได้เหมือนกันไปซะทั้งหมด

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือทุก ๆ ประเทศนั้นจะมีรูปแบบของฉลากเฉพาะของตนเอง และไม่มีมาตรฐานสากลสำหรับฉลากไวน์

ไวน์โลกใหม่ (ทุกที่ ยกเว้นยุโรป) สายพันธุ์ขององุ่นจะถูกระบุไว้บนขวด ในขณะที่ไวน์ยุโรปมักจะมีเพียงชื่อแหล่งผลิตระบุไว้เท่านั้น คุณต้องรู้ว่าองุ่นชนิดใดที่ปลูกในแถบภูมิภาคนั้นหรือในไร่องุ่นเหล่านั้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าไวน์ในขวดนั้นเป็นไวน์ชนิดใด อย่างไรก็ตาม มีองค์ประกอบของฉลากบางอย่างที่จะปรากฏอยู่บนฉลากไวน์ทุกฉลาก คุณเพียงแค่ต้องรู้ว่าจะคุณกำลังมองหาอะไรอยู่

ลองมาดูตัวอย่างด้านล่าง เพื่อศึกษาองค์ประกอบของฉลากไวน์ที่พบได้ทั่วไป:

Talamonti Moda
Talamonti Wine Label
Wente Cabernet Sauvignon
Wente Wine Label
Clos de l'Oratoire des Papes
Clos de l’Oratoire des Papes Wine Label

ชื่อไวน์

บ่อยครั้งที่ชื่อเหล่านี้จะเป็นชื่อของผู้ผลิต, ชื่อโรงกลั่นไวน์ หรือชื่อเมืองที่ผลิตไวน์ มันมักจะเขียนด้วยตัวอักษรที่ใหญ่ที่สุดบนฉลาก นี่คือตัวอย่างฉลากไวน์โลกใหม่ของเราที่ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อผู้ผลิต – Wente Vineyards. Clos de l’Oratoire des Papes (Ogier) เป็นไวน์ฝรั่งเศสที่ได้รับการตั้งชื่อตามสถานที่แหล่งเพาะปลูกองุ่น ไวน์อาจถูกเรียกด้วย “ชื่อต่าง ๆ ” ที่ถูกตั้งขึ้นและบนฉลากก็ยังคงมีการระบุชื่อของผู้ผลิตไว้ด้วยเช่นกัน Modaเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นสำหรับไวน์ที่ผลิตโดย Talamonti ในประเทศอิตาลี

ประเภทของไวน์

ดังที่ได้กล่าวข้างต้น ไวน์โลกเก่าและไวน์โลกใหม่นั้นใช้วิธีการต่าง ๆ ในการระบุประเภทของไวน์ที่แตกต่างกันออกไป ไวน์โลกใหม่ เช่นไวน์ตัวอย่างของเรา ระบุชนิดขององุ่นที่ใช้ – เราจะเห็นว่าไวน์ Wente Vineyards นั้นทำมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon ส่วนไวน์โลกเก่ามักจะใส่ชื่อสถานที่แหล่งผลิตที่มันถูกผลิตขึ้นมา ไวน์อาจถูกระบุในฉลากว่า Red Tuscan หรือ Crozes Hemitage  และผู้บริโภคก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องรู้ว่าองุ่นชนิดใดที่มีการใช้ในพื้นที่แคว้นทัสคานีหรือในเขตโกรซส์ แอร์มีตาจ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ประเทศในยุโรปต่าง ๆ มีการให้ผู้ผลิตไวน์นั้นเพิ่มชื่อสายพันธุ์ขององุ่นลงบนฉลากของพวกเขา ทำให้มันสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ซื้อไวน์มือใหม่ แต่มันยังไม่ได้มีการปฏิบัติกันอย่างเป็นทางการแต่อย่างไร

ฉลากฝรั่งเศสนี้ระบุไว้ว่าเป็นไวน์ Chateauneuf-du-Pape (ชื่อของแหล่งผลิตที่ไวน์ถูกผลิตขึ้น) ตามกฎหมายของฝรั่งเศส ไวน์ที่ติดฉลากว่า Chateauneuf-du-Pape นั้น จะต้องมีองุ่นสายพันธุ์ Grenache เป็นส่วนผสมหลักที่ผสมรวมกับองุ่นสายพันธุ์ Syrah, Mourvèdre หรือผลไม้อื่น ๆ 13 ชนิดตามที่กฎหมายกำหนดให้สามารถนำมาใช้ได้ในแหล่งผลิตนี้ อย่างไรก็ตาม องุ่นที่ถูกใช้นั้นจะไม่ถูกระบุรวมอยู่บนฉลาก ฉลากของ Talamonti ได้ระบุไว้ว่าเป็นไวน์ Montepulciano d’Abruzzo – ซึ่งเป็นชื่อที่รวมทั้งชื่อองุ่น (Montepulciano) และชื่อแหล่งผลิต (Abruzzo) เข้าไว้ดวยกัน

แหล่งผลิตไวน์

บนขวดไวน์ส่วนใหญ่นั้นจะระบุประเทศที่ผลิต ซึ่งจำเป็นสำหรับไวน์ที่จะถูกส่งออก ทั้งไวน์ Wente และไวน์ Talamonti ได้มีการระบุประเทศที่ผลิตไว้บนฉลากด้านหลัง คือ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอิตาลี ตามลำดับ และผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็จะทำเช่นเดียวกันนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน

ไวน์โลกใหม่ยังมีการตั้งชื่อที่ระบุถึงแหล่งผลิต และนี่เป็นพื้นที่แหล่งผลิตไวน์ที่มีการเพาะปลูกองุ่นแบบถูกต้องตามกฎหมาย อาจเป็นชื่อรัฐ จังหวัด มณฑล หรือแม้แต่ตำบลเล็ก ๆ ก็ได้ ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถ้าหากบนฉลากไวน์มีชื่อแหล่งผลิตอยู่ นั่นหมายความว่าจะต้องมีองุ่นอย่างน้อย 85% ที่ใช้ในการทำไวน์นั้นมาจากสถานที่ตามชื่อที่ระบุไว้ ตัวอย่างของเราเช่น ไวน์โลกใหม่ที่ถูกผลิตขึ้นในแคลิฟอร์เนีย โดยใช้ชื่อว่า Livermore Valley นี่เป็นการบ่งบอกว่าองุ่นส่วนใหญ่ที่ใช้ทำไวน์นี้มาจากหุบเขาลิเวอร์โมร์

ส่วนไวน์โลกเก่านั้น การระบุชื่อโดยทั่วไปจะเป็นการบ่งบอกถึงประเภทของไวน์ อย่างไรก็ตาม ชื่อตามแหล่งผลิตแต่ละชื่อนั้นจะมีระดับคุณภาพและข้อจำกัดด้านการผลิตไวน์ที่เกี่ยวข้องอยู่ ชื่อตามแหล่งผลิตที่เล็กที่สุดมักจะมีความเข้มงวดมากที่สุด โดยมีกฎระเบียบเกี่ยวกับชนิดขององุ่นที่จะต้องใช้ เปอร์เซ็นต์ขององุ่นแต่ละชนิดที่ใช้ในการผสม เทคนิคในการผลิตไวน์ที่ได้รับอนุญาต และระยะเวลาที่ใช้ในการบ่มก่อนที่จะวางจำหน่าย การจัดอันดับของชื่อตามแหล่งผลิตนั้นจะปรากฏอยู่บนฉลากด้วยเช่นกัน โดยมีการระบุไว้ว่าไวน์นี้เป็นไวน์ที่ได้รับมาตรฐานจากพื้นที่การผลิตที่มีการควบคุมคุณภาพ เช่นเดียวกับไวน์ประจำภูมิภาคหรือเป็นเทเบิ้ลไวน์ธรรมดาทั่วไป ไวน์ Chateauneuf-du-Pape และไวน์ Montepulciano d’Abruzzo นั้นเป็นไวน์ที่ถูกควบคุมคุณภาพด้วยการตั้งชื่อตามแหล่งผลิตด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งก็หมายความว่าไวน์เหล่านี้ถูกผลิตขึ้นตามกฎและข้อบังคับการผลิตไวน์ของประเทศนั้นในแหล่งผลิตต่าง ๆ โดยมีการใช้ชื่อเดียวกัน

การจัดอันดับของไวน์

ฉลากไวน์ฝรั่งเศสอาจมีการระบุถึงการจัดอันดับของไวน์ หมายถึงอันดับที่ได้จากการจัดอันดับคุณภาพอย่างเป็นทางการของไวน์จากการตั้งชื่อตามแหล่งผลิต แบ่งได้หลายระดับ เช่น grand cru, premier cru, cru bourgeois เป็นต้น แต่จริง ๆ แล้วนี่ถือเป็นการบ่งบอกเฉพาะเจาะจงถึงไร่องุ่นต่าง ๆ ที่มีการผลิตไวน์ชั้นเลิศอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งไวน์จากไร่องุ่นเหล่านี้ควรที่จะมีการระบุไว้บนฉลากว่าเป็นไวน์คุณภาพสูง เช่น ไวน์ crus of Bordeaux และไวน์ Burgundy นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และไวน์ Chateauneuf-du-Pape ไม่มีรูปแบบการจัดอันดับ cru นี้ ในประเทศยุโรปอื่น ๆ เช่น เยอรมนีหรืออิตาลีนั้นมีระบบการจัดอันดับอย่างไม่เป็นทางการตามความมีชื่อเสียงของไร่องุ่นหรือผู้ผลิต แต่ไม่มีการจัดอันดับแบบเป็นทางการที่ถูกการระบุบนฉลาก

ปีที่ผลิต

นี่คือปีที่องุ่นได้ถูกเก็บเกี่ยว – โดยปกติแล้วปีที่ผลิตจะเห็นได้ชัดเจนอยู่บนฉลากด้านหน้า ไวน์ Wente Vineyards ถูกผลิตขึ้นในปี 2016 และไวน์ Moda’ ถูกผลิตขึ้นในปี 2015 ไวน์บางชนิด เช่น แชมเปญหรือพอร์ทไวน์จะถูกผลิตขึ้นจากการผสมไวน์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และจะไม่มีการระบุปีที่เก็บเกี่ยวไว้บนขวด ฉลากอาจระบุปีที่ไวน์ถูกบรรจุลงขวดแทน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไวน์ทั้งหมดในขวดนั้นถูกผลิตขึ้นในปีดังกล่าว

ระดับแอลกอฮอล์

นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่สำคัญถึงความแรงของไวน์ – มันบอกถึงระดับแอลกอฮอล์ในไวน์โดยระบุเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรทั้งหมด ซึ่งสามารถอยู่ในช่วงประมาณ 9-16% ขึ้นอยู่กับประเภทของไวน์ แหล่งเพาะปลูก ระดับน้ำตาล เป็นต้น สามารถพบอยู่บนฉลากด้านหลังหรือตามด้านข้างของฉลากด้านหน้า ไวน์แต่ละขวดต้องมีการระบุเพื่อแสดงระดับแอลกอฮอล์อย่างชัดเจนตามกฎหมายกำหนด ตัวอย่างของเรานั้นมีการระบุระดับแอลกอฮอล์บนฉลากด้านหลังและอยู่ที่ระหว่าง 13-13.5% นี่เป็นระดับแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยที่ดีสำหรับไวน์ประเภทนี้

ส่วนประกอบอื่นๆ

ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจพบได้บนฉลากไวน์ เช่น สถานที่ในการบรรจุขวด คำเตือนจากรัฐบาลเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อมูลผู้นำเข้า ข้อมูลการจับคู่ไวน์กับอาหารต่าง ๆ คำอธิบายเกี่ยวกับไวน์ เป็นต้น แต่องค์ประกอบของฉลากที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วนั้นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่จะต้องพิจารณาเมื่อคุณเลือกซื้อไวน์ขวดต่อไปของคุณ สิ่งเหล่านี้จะปรากฏอยู่บนขวดไวน์ทุกขวด ไม่ว่าจะผลิตจากที่ใดและการทำความเข้าใจกับมันนั้นจะทำให้คุณสามารถเลือกไวน์ของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น

ครั้งต่อไปที่คุณเดินอยู่ในร้านขายไวน์ ลองอ่านฉลากดูว่าคุณสามารถอ่านได้เยอะแค่ไหน!

 

Tag: ร้านไวน์ กรุงเทพ, ไวน์ ส่งด่วน, ไวน์ ดี, ไวน์ คุณภาพ, ไวน์ ราคาย่อมเยา, ซื้อไวน์ ออนไลน์,ไวน์ แดง, ไวน์ ขาว, ไวน์ สปาร์คกลิ้ง, ไวน์ โรเซ่, ไวน์ จากทั่วโลก, ไวน์ สำหรับทุกโอกาส, ไวน์ ของขวัญ, รีวิว ไวน์, บทความ เกี่ยวกับ ไวน์, จับคู่ ไวน์ กับ อาหาร, ไวน์, ขายไวน์ ,ไวน์ออนไลน์, ไวน์ดี ,ไวน์มีคุณภาพ, ไวน์ส่งด่วน, ไวน์ทั่วไทย, ไวน์ทั่วกรุงเทพ, เบียร์, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, บทความเกี่ยวกับไวน์, รีวิวไวน์, ความรู้เกี่ยวกับไวน์, การจับคู่ไวน์กับอาหาร, ของขวัญไวน์, สินค้าสำหรับไวน์, ซื้อไวน์, สั่งไวน์ออนไลน์, ไวน์ราคาถูก, ไวน์ราคาพิเศษ, โปรโมชั่นไวน์, แนะนำไวน์, เลือกไวน์, ดื่มไวน์, เก็บไวน์, ชิมไวน์, เชี่ยวชาญไวน์, บริการเกี่ยวกับไวน์, การจับคู่เบียร์กับอาหาร, บทความเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ร้านขายไวน์ออนไลน์ที่ดีที่สุด, ซื้อไวน์ออนไลน์ที่สะดวกที่สุด, ไวน์คุณภาพสูงส่งตรงถึงบ้านคุณ, บริการจัดส่งไวน์ที่รวดเร็วทั่วไทย, บทความเกี่ยวกับไวน์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์, แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับไวน์ที่น่าเชื่อถือ, คู่มือการเลือกไวน์สำหรับทุกโอกาส, บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับไวน์โดยผู้เชี่ยวชาญ, ของขวัญไวน์ที่พิเศษ

กลับไปยังบล็อก