Dessert Wine ไวน์หวาน: เรามาเจาะถึงรายละเอียดว่า ไวน์หวานมีอะไรบ้าง เป็นยังไง แล้วดื่มยังไง
ไวน์หวาน (Dessert Wine) เป็นไวน์ที่มีรสชาติหวาน เข้มข้น และมีระดับแอลกอฮอล์ต่ำกว่าไวน์ปกติอื่นๆ(ประมาณ5.5-10%) ไวน์หวานมักผลิตจากองุ่นที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ผ่านกระบวนการผลิตที่พิเศษ และอาจมีการบ่มในถังไม้โอ๊ค
ไวน์หวานไม่ได้เติมน้ำตาลลงไปโดยตรง แต่ความหวานนั้นมาจากหลายปัจจัย ดังนี้:
1. องุ่น: องุ่นที่ใช้ทำไวน์หวานมักมีปริมาณน้ำตาลสูงตามธรรมชาติ องุ่นเหล่านี้มักมีเปลือกหนา เนื้อฉ่ำ และเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวเมื่อน้ำตาลในองุ่นเข้มข้นสูงสุด ตัวอย่างองุ่นที่ใช้ทำไวน์หวาน ได้แก่ องุ่น Muscat , Moscato องุ่น Riesling องุ่น Semillon และองุ่น Sauvignon Blanc
2. กระบวนการผลิต:
- การตากแดด:องุ่นบางชนิดสำหรับไวน์หวานจะถูกตากแดดหลังจากเก็บเกี่ยว กระบวนการนี้ช่วยให้องุ่นสูญเสียน้ำ ทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาลในองุ่นสูงขึ้น ตัวอย่างไวน์หวานที่ผลิตจากองุ่นตากแดด ได้แก่ ไวน์ Amarone ไวน์ Recioto และไวน์ Trockenbeerenauslese
การคัดแยกองุ่นที่มีเชื้อรา:เชื้อรา Botrytis cinerea บางครั้งเติบโตบนองุ่นในสภาพอากาศที่ชื้น เชื้อราชนิดนี้ทำให้น้ำในองุ่นระเหย ทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาลสูงขึ้น ตัวอย่างไวน์หวานที่ผลิตจากองุ่นที่มีเชื้อรา ได้แก่ ไวน์ Sauternes ไวน์ Barsac และไวน์ Tokaji
การหยุดยั้งการหมัก: ไวน์หวานบางชนิดผลิตโดยการหยุดยั้งกระบวนการหมักก่อนที่น้ำตาลทั้งหมดจะถูกแปลงเป็นแอลกอฮอล์ วิธีนี้ทำได้หลายวิธี เช่น การเติมแอลกอฮอล์ การลดอุณหภูมิ หรือการกรองยีสต์ออกจากไวน์
3. การบ่ม: ไวน์หวานบางชนิดบ่มในถังไม้โอ๊ค กระบวนการนี้ช่วยเพิ่มรสชาติ กลิ่นหอม และความซับซ้อนให้กับไวน์
ผลลัพธ์:
จากปัจจัยเหล่านี้ ไวน์หวานจะมีรสชาติหวาน เข้มข้น และมีระดับแอลกอฮอล์ต่ำกว่า ไวน์หวานมักเสิร์ฟพร้อมกับของหวาน ชีส หรือฟัวกราส์ หรือเชื่อมั้ยคะว่า เข้ากับอาหารไทยของเราได้ดีมากๆ
ประเภทของไวน์หวาน:
ไวน์หวานสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ ได้ดังนี้
- ไวน์ Fortified:ไวน์ประเภทนี้มีแอลกอฮอล์เสริม เช่น บรั่นดี รัม หรือวอดก้า ตัวอย่างไวน์ Fortified ได้แก่ พอร์ตไวน์ ไวน์เชอร์รี่ และไวน์มาเดรา
- ไวน์ Late Harvest: ไวน์ประเภทนี้ผลิตจากองุ่นที่เก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อองุ่นมีปริมาณน้ำตาลสูง ตัวอย่างไวน์ Late Harvest ได้แก่ ไวน์ Sauternes ไวน์ Barsac และไวน์ Tokaji
- ไวน์ Icewine: ไวน์ประเภทนี้ผลิตจากองุ่นที่เก็บเกี่ยวเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง น้ำในองุ่นจะกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาลในองุ่นสูงขึ้น ตัวอย่างไวน์ Icewine ได้แก่ ไวน์ Eiswein ไวน์ Vidal และไวน์ Riesling
- ไวน์ Straw Wine: ไวน์ประเภทนี้ผลิตจากองุ่นที่ตากแดดหลังจากเก็บเกี่ยว องุ่นจะสูญเสียน้ำ ทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาลในองุ่นสูงขึ้น ตัวอย่างไวน์ Straw Wine ได้แก่ ไวน์ Recioto ไวน์ Amarone และไวน์ Trockenbeerenauslese
- ไวน์ Botrytized: ไวน์ประเภทนี้ผลิตจากองุ่นที่มีเชื้อรา Botrytis cinerea เชื้อราชนิดนี้ทำให้น้ำในองุ่นระเหย ทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาลสูงขึ้น ตัวอย่างไวน์ Botrytized ได้แก่ ไวน์ Sauternes ไวน์ Barsac และไวน์ Tokaji
การจับคู่ไวน์หวานกับอาหาร:
ไวน์หวานมักเสิร์ฟพร้อมกับของหวาน ชีส หรือฟัวกราส์ ตัวอย่างการจับคู่ไวน์หวานกับอาหาร ได้แก่:
- ไวน์ Sauternes กับ ฟัวกราส์: ความหวานของไวน์ Sauternes เข้ากันได้ดีกับความมันของฟัวกราส์
- ไวน์ Tokaji กับ ชีสบลู: ความหวานของไวน์ Tokaji ตัดเลี่ยนรสเค็มของชีสบลู
- ไวน์ Icewine กับ ผลไม้: ความหวานของไวน์ Icewine พวก Riesling เข้ากันได้ดีกับรสเปรี้ยวหวานของผลไม้ และอาหารรสเผ็ดหวานมัน แบบอาหารไทยเรา
แหล่งผลิตไวน์หวานที่สำคัญ:
ไวน์หวานมีชื่อเสียงจากหลายภูมิภาคทั่วโลก แหล่งผลิตไวน์หวานที่สำคัญ ได้แก่:
- ฝรั่งเศส: Sauternes Barsac Loupiac
- เยอรมนี: Riesling ต่างๆ Eiswein Trockenbeerenauslese Beerenauslese
- อิตาลี: Recioto Amarone Moscato d'Asti
- ฮังการี: Tokaji
- โปรตุเกส: Port Madeira
- ออสเตรเลีย: Botrytis Semillon Noble Riesling
เคล็ดลับในการดื่มไวน์หวาน:
- เสิร์ฟไวน์หวานที่อุณหภูมิเย็น ประมาณ 8-10 องศาเซลเซียส
- เลือกแก้วไวน์ทรงเล็ก เพื่อคงกลิ่นหอมของไวน์
- จิบไวน์หวานช้าๆ เพื่อสัมผัสรสชาติและกลิ่นหอม
- เก็บไวน์หวานในที่เย็น มืด และแห้ง
- ดื่มคู่กับอาหารที่เข้ากัน เช่น อาหารหวาน หรืออาหารไทยๆ
มาดูไวน์รสหอมหวานจากเราได้นะคะ แล้วพบกันblogหน้าค่า
https://cheerzonline.com/search?q=sweet&options%5Bprefix%5D=last